ท่าทีในการเดินตามพระเจ้า
มธ6:25-34 25 “เหตุฉะนั้น เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตนว่า จะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม และอย่ากระวนกระวายถึงร่างกายของตนว่า จะเอาอะไรนุ่งห่ม ชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหารมิใช่หรือ และร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่มมิใช่หรือ 26จงดูนกในอากาศ มันมิได้หว่าน มิได้เกี่ยว มิได้ส่ำสมไว้ในยุ้งฉาง แต่พระบิดาของท่านทั้งหลาย ผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงเลี้ยงนกไว้ ท่านทั้งหลายมิประเสริฐกว่านกหรือ 27มีใครในพวกท่านโดยความกระวนกระวาย อาจต่อชีวิตให้ยาวออกไปอีกสักศอกหนึ่งได้หรือ 28ท่านกระวนกระวายถึงเครื่องนุ่งห่มทำไม จงพิจารณาดอกไม้ที่ทุ่งนาว่า มันงอกงามเจริญขึ้นได้อย่างไร มันไม่ทำงาน มันไม่ปั่นด้าย 29แต่เราบอกท่านทั้งหลายว่ากษัตริย์ซาโลมอนเมื่อบริบูรณ์ด้วยสง่าราศี ก็มิได้ทรงเครื่องงามเท่าดอกไม้นี้ดอกหนึ่ง 30แม้ว่าพระเจ้าทรงตกแต่งหญ้าที่ทุ่งนาอย่างนั้น ซึ่งเป็นอยู่วันนี้และรุ่งขึ้นต้องทิ้งในเตาไฟ โอ ผู้มีความเชื่อน้อย พระองค์จะไม่ทรงตกแต่งท่านมากยิ่งกว่านั้นหรือ 31เหตุฉะนั้นอย่ากระวนกระวายว่า จะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม หรือจะเอาอะไรนุ่งห่ม 32เพราะว่าพวกต่างชาติแสวงหาสิ่งของทั้งปวงนี้ แต่ว่าพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่า ท่านต้องการสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ 33แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้
34“เหตุฉะนั้น อย่ากระวนกระวายถึงพรุ่งนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้คงมีการกระวนกระวายสำหรับพรุ่งนี้เอง แต่ละวันก็มีทุกข์พออยู่แล้ว
1.ดำเนินชีวิตด้วยความวางใจในพระเจ้า
สดด32:10 10อันความทุกข์ของคนอธรรมนั้นมีมาก แต่ความรักมั่นคงจะล้อมบุคคลที่วางใจในพระเจ้า
สดด115:9 9อิสราเอลเอ๋ย จงวางใจในพระเจ้าเถิด
พระองค์ทรงเป็นความอุปถัมภ์และเป็นโล่ของเขาทั้งหลาย
สดด125:1 1บรรดาผู้ที่วางใจในพระเจ้าก็เหมือนภูเขาศิโยน ซึ่งไม่หวั่นไหว แต่ดำรงอยู่เป็นนิตย์
สภษ3:5 5จงวางใจในพระเจ้าด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง
สภษ16:20 20บุคคลผู้สนใจในพระวจนะจะพบของดี และคนที่วางใจในพระเจ้าจะสุขสบาย
ตรงกันข้ามคือความวิตกกังวล
ยน10:10 10ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลักและฆ่าและทำลายเสีย เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์
มารมันขู่ให้เกิดความกังวลในทุกเรื่องของชีวิต
จะเป็นที่ยอมรับ เขาจะโกรธเรามั้ย เขาจะรักเรามั้ย ประกาศผลสอบ จะตกมั้ย บางคนจะได้ที่1มั้ย
จะเรียนจบมั้ย จะได้งานมั้ย จะทำได้มั้ย บริษัทจะปิดมั้ย
คนโสด จะมีแฟน จะได้แต่ง ฯลฯ สารพัดความกังวล กิจการมารที่ทำต่อคน
แม่เชือดคอลูก 1 ขวบ มีดแทงตัวเจ็บสาหัส อ้างจนเครียดผัวทิ้ง ( 10 ก.ย. 49 )
เผยคนไทยฆ่าตัวตายจากโรคซึมเศร้ายอมรับจิตแพทย์ไม่พอ ( 10 ก.ย. 49 )
รองลงมาคือปัญหาครอบครัว ทั้ง ศก. ความสัมพันธ์ในครอบครัว ระบุพื้นที่ที่มีสถิติฆ่าตัวตายสูงคือพื้นที่ภาคเหนือ เร่งให้ความรู้ในการป้องกัน และนำวิธีการไปติดตามคนที่มีแนวโน้ม...อ่านต่อคลิกที่นี่
หนุ่มโรงงานประชดรัก ผูกคอใต้ต้นโพธิ์ดับอนาถ ( 6 ก.ย. 49 )
นศ.สาวดิ่ง7ชั้นดับเครียดเรียนไม่จบ ( 6 ก.ย. 49 )
สาเหตุเชื่อ นักศึกษาสาวเครียดหนัก คิดมากเรื่องเรียนไม่จบ ประกอบกับผิดหวังในเรื่องความรัก จนมีอาการซึมเศร้านานหลายสัปดาห์......
คนไทยฆ่าตัวตายปีละ 5 พันคน ใช้วิธีแขวนคอมากที่สุด 59% ( 5 ก.ย. 49 )
รองลงมาใช้สารพิษ ปืน ของมีคม กระโดดจากที่สูง ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ฆ่าตัวตายมากสุด ขณะที่ทั่วโลกทุก 40 วินาทีจะมีคนฆ่าตัวตายสำเร็จ 1 คน ......
มาลาคี 3:18 18แล้วเจ้าจะสังเกตเห็นความแตกต่างระหว่าง คนชอบธรรมและคนอธรรม ระหว่างคนที่ปรนนิบัติพระเจ้ากับคน ที่ไม่ปรนนิบัติพระองค์ได้อีกครั้งหนึ่ง
2.เชื่อและยึดมั่นในพระสัญญา
มธ6:33 33แต่พวกท่านจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงนี้ให้
มธ 6:33 33"But seek ye first the kingdom of God, and his righteousness; and all these things shall be added unto you. "
ยน10:10 10ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลักและฆ่าและทำลายเสีย เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์
2ซมอ22:31
31ฝ่ายพระเจ้า พระมรรคาของพระองค์บริสุทธิ์หมดจด
พระสัญญาของพระเจ้า พิสูจน์แล้วเป็นความจริง
พระองค์ทรงเป็นโล่ของบรรดาผู้ที่ลี้ภัยอยู่ในพระองค์
1พกษ8:56 56“สาธุการแด่พระเจ้า ผู้ทรงพระราชทานการหยุดพักแก่อิสราเอล ประชากรของพระองค์ ตามซึ่งพระองค์ทรงสัญญาไว้ทุกประการ พระสัญญาอันดีทั้งสิ้นของพระองค์ซึ่งพระองค์ทรงสัญญาทาง โมเสสผู้รับใช้ของพระองค์นั้นไม่ล้มเหลวสักคำเดียว
ฮบ9:15 15เพราะเหตุนี้ พระองค์จึงทรงเป็นผู้กลางแห่งพันธสัญญาใหม่ เพื่อให้คนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเรียกมา ได้รับมรดกนิรันดร์ตามพระสัญญา เพราะการพลีชีวิตนั้นไถ่คนให้พ้นจากบาปอันเกิดใต้พันธสัญญา(ภาษากรีกเป็นคำเดียวกัน แปลได้ทั้งพันธสัญญา และหนังสือพินัยกรรม) เดิมแล้ว
3.พึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธิ์
ลก12:12
11เมื่อเขาพาพวกท่านเข้าในธรรมศาลา หรือต่อหน้าเจ้าเมืองและผู้ที่มีอำนาจ อย่ากระวนกระวายว่าจะตอบอย่างไร หรือจะกล่าวอะไร 12เพราะว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงโปรดสอนท่านในเวลาโมงนั้นเองว่า ควรจะพูดอะไรบ้าง”
ยน14:26 26แต่องค์ผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรานั้น จะทรงสอนท่านทั้งหลายทุกสิ่ง และจะให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราได้กล่าวไว้แก่ท่านแล้ว
กจ1:8 8แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก”
กจ10:38 ภายหลังการบัพติศมาที่ยอห์นได้ประกาศนั้น 38คือเรื่องพระเยซูชาวนาซาเร็ธ ว่าพระเจ้าได้ทรงเจิมพระองค์ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และด้วยฤทธานุภาพอย่างไร และพระเยซูเสด็จไปกระทำคุณประโยชน์ และรักษาบรรดาคนซึ่งถูกมารเบียดเบียน เพราะว่าพระเจ้าทรงสถิตกับพระองค์ 39เราทั้งหลายเป็นพยานถึงกิจการทั้งปวง ซึ่งพระองค์ทรงกระทำ ในแคว้นยูเดียและในกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์นั้นเขาได้ฆ่าโดยแขวนไว้ที่ต้นไม้ 40ในวันที่สาม พระเจ้าได้ทรงให้พระองค์คืนพระชนม์และทรงให้ปรากฏ
ps.soontorn
วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2555
การเกิดผล
สสด1:3 3เขาเป็นเช่นต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมธารน้ำ ซึ่งเกิดผลตามฤดูกาล และใบก็ไม่เหี่ยวแห้ง
การทุกอย่างซึ่งเขากระทำก็จำเริญขึ้น
1.พระเจ้าแต่งตั้งให้เราไปเกิดผล
ยน. 15:16 16ท่านทั้งหลายไม่ได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่านทั้งหลาย และได้แต่งตั้งท่านทั้งหลายไว้ให้ท่านไปเกิดผล และเพื่อให้ผลของท่านคงอยู่ เพื่อว่าเมื่อท่านทูลขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระองค์จะได้ประทานสิ่งนั้นให้แก่ท่าน
@ พระเจ้าทรงเลือกเราทั้งหลาย และมีแผนการที่ดีสำหรับเราให้เราไปเกิดผล และผลคงอยู่นิรันดร์ ดังนั้นไม่ว่าเราทำสิ่งใดก็ให้ทำเหมือนถวายแด่พระเจ้า
มธ13:23 23ส่วนพืชซึ่งหว่านตกในดินดีนั้น ได้แก่บุคคลที่ได้ยินพระวจนะนั้นและเข้าใจ คนนั้นก็เกิดผลร้อยเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง”
ก ด้านร่างกาย สุขภาพดี อายุยืนนาน
อพย23:25-26 25จงปรนนิบัติพระเจ้าของเจ้า แล้วพระองค์จะทรงอวยพรแก่อาหารและน้ำของเจ้า เราจะบันดาลให้โรคต่างๆหายไปจากท่ามกลางพวกเจ้า 26จะไม่มีการแท้งลูก หรือเป็นหมันในดินแดนของเจ้า เราจะให้เจ้ามีอายุยืนนาน
ข ด้านการเป็นอยู่ การเงินการงาน ครอบครัว
2คร8:9 9เพราะท่านทั้งหลายรู้จักพระคุณของพระเยซูคริสตเจ้าของเราแล้วว่า แม้พระองค์มั่งคั่ง พระองค์ก็ยังทรงยอมเป็นคนยากจน เพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนมั่งมี เนื่องจากความยากจนของพระองค์
2คร9:11 11โดยทรงให้ท่านทั้งหลายมีสิ่งสารพัดมั่งคั่งบริบูรณ์ขึ้น เพื่อให้ท่านมีแจกจ่ายอย่างใจกว้างขวาง ซึ่งโดยเราจัดแจก จะให้เกิดการขอบพระคุณพระเจ้า
ค ด้านฝ่ายวิญญาณ
2คร4:16 16เหตุฉะนั้นเราจึงไม่ย่อท้อ ถึงแม้ว่ากายภายนอกของเรากำลังทรุดโทรมไป แต่จิตใจภายในนั้นก็ยังคงจำเริญขึ้นใหม่ทุกวัน
2คร5:17 17เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น
2.การเกิดผลที่นิรันดร์ต้องอยู่บนพระศิลา
มธ7:24-27 24 “เหตุฉะนั้นผู้ใดที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเรา และประพฤติตาม เขาก็เปรียบเสมือนผู้ที่มีสติปัญญาสร้างเรือนของตนไว้บนศิลา 25ฝนก็ตกและน้ำก็ไหลเชี่ยว ลมก็พัดปะทะเรือนนั้น แต่เรือนมิได้พังลง เพราะว่ารากตั้งอยู่บนศิลา 26แต่ผู้ที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเราและไม่ประพฤติตามเล่า เขาก็เปรียบเสมือนผู้ที่โง่เขลา สร้างเรือนของตนไว้บนทราย 27ฝนก็ตกและน้ำก็ไหลเชี่ยว ลมก็พัดปะทะเรือนนั้น เรือนนั้นก็พังทลายลง และการซึ่งพังทลายนั้นก็ใหญ่ยิ่ง”
ยน.15:5-6 5เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นแขนง ผู้ที่เข้าสนิทอยู่ในเราและเราเข้าสนิทอยู่ในเขา ผู้นั้นก็จะเกิดผลมาก เพราะถ้าแยกจากเราแล้วท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย 6ถ้าผู้ใดมิได้เข้าสนิทอยู่ในเรา ผู้นั้นก็ต้องถูกตัดทิ้งเสียเหมือนแขนง แล้วก็เหี่ยวแห้งไป และถูกเก็บเอาไปเผาไฟ
@ คนที่ไม่เชื่อพระเยซูเมื่อตายวิญญาณก็จะถูกนำไปที่บึงไฟนรก ส่วนผู้เชื่อก็จะเกิดผลนิรันดร์ในสวรรค์
3.พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงช่วยให้เราเกิดผลสูงสุด
พระเจ้าสร้างเรา นำเรามารับความรอด และคืนดีกับพระเจ้าผ่านทางพระเยซู และต้องการให้เราเกิดผลสูงสุดโดยส่งพระผู้ช่วยคื่อพระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ มาช่วยเรา
ยน.7:37-39 37ในวันสุดท้ายของงานเทศกาลซึ่งเป็นวันใหญ่นั้น พระเยซูทรงยืนและประกาศว่า “ถ้าผู้ใดกระหาย ผู้นั้นจงมาหาเราและดื่ม 38ผู้ที่วางใจในเราตามที่มีคำเขียนไว้แล้วว่า 'แม่น้ำที่มีน้ำธำรงชีวิต จะไหลออกมาจากภายในผู้นั้น'” 39สิ่งที่พระเยซูตรัสนั้นหมายถึงพระวิญญาณ ซึ่งผู้ที่วางใจในพระองค์จะได้รับ เหตุว่ายังไม่ได้ประทานพระวิญญาณให้ เพราะพระเยซูยังมิได้ประสบเกียรติกิจ
ยน14:16-17 16เราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่าน เพื่อจะได้อยู่กับท่านตลอดไป 17คือพระวิญญาณแห่งความจริง ซึ่งโลกรับไว้ไม่ได้ เพราะแลไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์ ท่านทั้งหลายรู้จักพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสถิตอยู่กับท่าน และจะประทับอยู่ในท่าน
ยน14:26 26แต่องค์ผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรานั้น จะทรงสอนท่านทั้งหลายทุกสิ่ง และจะให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราได้กล่าวไว้แก่ท่านแล้ว
ยน16:13 13เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงจะเสด็จมาแล้ว พระองค์จะนำท่านทั้งหลายไปสู่ความจริงทั้งมวล เพราะพระองค์จะไม่ตรัสโดยพลการ แต่พระองค์จะตรัสสิ่งที่พระองค์ทรงได้ยิน และพระองค์จะทรงแจ้งให้ท่านทั้งหลายรู้ถึงสิ่งเหล่านั้นที่จะเกิดขึ้น
กจ16:6-9 6พระวิญญาณบริสุทธิ์ห้ามมิให้กล่าวพระวจนะของพระเจ้าในแคว้นเอเชีย ท่านเหล่านั้นจึงไปทั่วแว่นแคว้นฟรีเจียกับกาลาเทีย 7เมื่อลงไปยังที่ตรงข้ามกับแคว้นมิเซียแล้ว ก็พยายามจะไปยังแว่นแคว้นบิธีเนีย แต่พระวิญญาณของพระเยซูไม่ทรงโปรดให้ไป 8แล้วท่านเหล่านั้นได้เดินทางผ่านแคว้นมิเซียมายังเมืองโตรอัส 9ในเวลากลางคืน เปาโลได้นิมิตเห็นชาวมาซิโดเนียคนหนึ่งยืนอ้อนวอนว่า “ขอโปรดมาช่วยพวกข้าพเจ้าในแคว้นมาซิโดเนียเถิด”
การทุกอย่างซึ่งเขากระทำก็จำเริญขึ้น
1.พระเจ้าแต่งตั้งให้เราไปเกิดผล
ยน. 15:16 16ท่านทั้งหลายไม่ได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่านทั้งหลาย และได้แต่งตั้งท่านทั้งหลายไว้ให้ท่านไปเกิดผล และเพื่อให้ผลของท่านคงอยู่ เพื่อว่าเมื่อท่านทูลขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระองค์จะได้ประทานสิ่งนั้นให้แก่ท่าน
@ พระเจ้าทรงเลือกเราทั้งหลาย และมีแผนการที่ดีสำหรับเราให้เราไปเกิดผล และผลคงอยู่นิรันดร์ ดังนั้นไม่ว่าเราทำสิ่งใดก็ให้ทำเหมือนถวายแด่พระเจ้า
มธ13:23 23ส่วนพืชซึ่งหว่านตกในดินดีนั้น ได้แก่บุคคลที่ได้ยินพระวจนะนั้นและเข้าใจ คนนั้นก็เกิดผลร้อยเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง”
ก ด้านร่างกาย สุขภาพดี อายุยืนนาน
อพย23:25-26 25จงปรนนิบัติพระเจ้าของเจ้า แล้วพระองค์จะทรงอวยพรแก่อาหารและน้ำของเจ้า เราจะบันดาลให้โรคต่างๆหายไปจากท่ามกลางพวกเจ้า 26จะไม่มีการแท้งลูก หรือเป็นหมันในดินแดนของเจ้า เราจะให้เจ้ามีอายุยืนนาน
ข ด้านการเป็นอยู่ การเงินการงาน ครอบครัว
2คร8:9 9เพราะท่านทั้งหลายรู้จักพระคุณของพระเยซูคริสตเจ้าของเราแล้วว่า แม้พระองค์มั่งคั่ง พระองค์ก็ยังทรงยอมเป็นคนยากจน เพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนมั่งมี เนื่องจากความยากจนของพระองค์
2คร9:11 11โดยทรงให้ท่านทั้งหลายมีสิ่งสารพัดมั่งคั่งบริบูรณ์ขึ้น เพื่อให้ท่านมีแจกจ่ายอย่างใจกว้างขวาง ซึ่งโดยเราจัดแจก จะให้เกิดการขอบพระคุณพระเจ้า
ค ด้านฝ่ายวิญญาณ
2คร4:16 16เหตุฉะนั้นเราจึงไม่ย่อท้อ ถึงแม้ว่ากายภายนอกของเรากำลังทรุดโทรมไป แต่จิตใจภายในนั้นก็ยังคงจำเริญขึ้นใหม่ทุกวัน
2คร5:17 17เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น
2.การเกิดผลที่นิรันดร์ต้องอยู่บนพระศิลา
มธ7:24-27 24 “เหตุฉะนั้นผู้ใดที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเรา และประพฤติตาม เขาก็เปรียบเสมือนผู้ที่มีสติปัญญาสร้างเรือนของตนไว้บนศิลา 25ฝนก็ตกและน้ำก็ไหลเชี่ยว ลมก็พัดปะทะเรือนนั้น แต่เรือนมิได้พังลง เพราะว่ารากตั้งอยู่บนศิลา 26แต่ผู้ที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเราและไม่ประพฤติตามเล่า เขาก็เปรียบเสมือนผู้ที่โง่เขลา สร้างเรือนของตนไว้บนทราย 27ฝนก็ตกและน้ำก็ไหลเชี่ยว ลมก็พัดปะทะเรือนนั้น เรือนนั้นก็พังทลายลง และการซึ่งพังทลายนั้นก็ใหญ่ยิ่ง”
ยน.15:5-6 5เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นแขนง ผู้ที่เข้าสนิทอยู่ในเราและเราเข้าสนิทอยู่ในเขา ผู้นั้นก็จะเกิดผลมาก เพราะถ้าแยกจากเราแล้วท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย 6ถ้าผู้ใดมิได้เข้าสนิทอยู่ในเรา ผู้นั้นก็ต้องถูกตัดทิ้งเสียเหมือนแขนง แล้วก็เหี่ยวแห้งไป และถูกเก็บเอาไปเผาไฟ
@ คนที่ไม่เชื่อพระเยซูเมื่อตายวิญญาณก็จะถูกนำไปที่บึงไฟนรก ส่วนผู้เชื่อก็จะเกิดผลนิรันดร์ในสวรรค์
3.พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงช่วยให้เราเกิดผลสูงสุด
พระเจ้าสร้างเรา นำเรามารับความรอด และคืนดีกับพระเจ้าผ่านทางพระเยซู และต้องการให้เราเกิดผลสูงสุดโดยส่งพระผู้ช่วยคื่อพระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ มาช่วยเรา
ยน.7:37-39 37ในวันสุดท้ายของงานเทศกาลซึ่งเป็นวันใหญ่นั้น พระเยซูทรงยืนและประกาศว่า “ถ้าผู้ใดกระหาย ผู้นั้นจงมาหาเราและดื่ม 38ผู้ที่วางใจในเราตามที่มีคำเขียนไว้แล้วว่า 'แม่น้ำที่มีน้ำธำรงชีวิต จะไหลออกมาจากภายในผู้นั้น'” 39สิ่งที่พระเยซูตรัสนั้นหมายถึงพระวิญญาณ ซึ่งผู้ที่วางใจในพระองค์จะได้รับ เหตุว่ายังไม่ได้ประทานพระวิญญาณให้ เพราะพระเยซูยังมิได้ประสบเกียรติกิจ
ยน14:16-17 16เราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่าน เพื่อจะได้อยู่กับท่านตลอดไป 17คือพระวิญญาณแห่งความจริง ซึ่งโลกรับไว้ไม่ได้ เพราะแลไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์ ท่านทั้งหลายรู้จักพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสถิตอยู่กับท่าน และจะประทับอยู่ในท่าน
ยน14:26 26แต่องค์ผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรานั้น จะทรงสอนท่านทั้งหลายทุกสิ่ง และจะให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราได้กล่าวไว้แก่ท่านแล้ว
ยน16:13 13เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงจะเสด็จมาแล้ว พระองค์จะนำท่านทั้งหลายไปสู่ความจริงทั้งมวล เพราะพระองค์จะไม่ตรัสโดยพลการ แต่พระองค์จะตรัสสิ่งที่พระองค์ทรงได้ยิน และพระองค์จะทรงแจ้งให้ท่านทั้งหลายรู้ถึงสิ่งเหล่านั้นที่จะเกิดขึ้น
กจ16:6-9 6พระวิญญาณบริสุทธิ์ห้ามมิให้กล่าวพระวจนะของพระเจ้าในแคว้นเอเชีย ท่านเหล่านั้นจึงไปทั่วแว่นแคว้นฟรีเจียกับกาลาเทีย 7เมื่อลงไปยังที่ตรงข้ามกับแคว้นมิเซียแล้ว ก็พยายามจะไปยังแว่นแคว้นบิธีเนีย แต่พระวิญญาณของพระเยซูไม่ทรงโปรดให้ไป 8แล้วท่านเหล่านั้นได้เดินทางผ่านแคว้นมิเซียมายังเมืองโตรอัส 9ในเวลากลางคืน เปาโลได้นิมิตเห็นชาวมาซิโดเนียคนหนึ่งยืนอ้อนวอนว่า “ขอโปรดมาช่วยพวกข้าพเจ้าในแคว้นมาซิโดเนียเถิด”
วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2555
เราควรตอบสนองต่อสถานการณ์ยากลำบากอย่างไร
เราควรตอบสนองต่อสถานการณ์ยากลำบากอย่างไร
1.เรามีของมีค่าที่อยู่ในเราคือพระวิญญาณ
ในร่างกายเรือนดินของเรามีพระผู้ช่วยที่ยินดีช่วยเหลือเราเมื่อเราร้องขอ และพระวิญญาณจะประทานกำลังกายใจสติปัญญาให้แก่เรา ที่จะต่อสู้ฟันฝ่าวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปได้ ให้มองสิ่งดีและคิดในเชิงบวก รักษากำลังใจที่ดีเอาไว้
ฟป. 4:8 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ในที่สุดนี้ขอจงใคร่ครวญถึงสิ่งที่จริง สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ยุติธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่ทรงคุณ คือถ้ามีสิ่งใดที่ล้ำเลิศ สิ่งใดที่ควรแก่การสรรเสริญ ก็ขอจงใคร่ครวญดู
2คร. 4:7-9 แต่ว่าเรามีของมีค่านี้อยู่ในภาชนะดิน เพื่อให้เห็นว่า ฤทธิ์เดชอันเลิศนั้นเป็นของพระเจ้า ไม่ได้มาจากตัวเราเอง8 เราถูกขนาบรอบข้าง แต่ก็ไม่ถึงกับกระดิกไม่ไหว เราจนปัญญาแต่ก็ไม่ถึงกับหมดมานะ
9 เราถูกข่มเหงแต่ก็ไม่ถูกทอดทิ้ง เราถูกตีลงแล้ว แต่ก็ไม่ถึงตาย
2.หลายครั้งคริสเตียนเข้มแข็งเติบโตฝ่ายวิญญาณขึ้นเพราะผ่านความยากลำบาก
2คร. 4:16 เหตุฉะนั้นเราจึงไม่ย่อท้อ ถึงแม้ว่ากายภายนอกของเรากำลังทรุดโทรมไป แต่จิตใจภายในนั้นก็ยังคงจำเริญขึ้นใหม่ทุกวัน
3.สถานการณ์สร้างโอกาสสำหรับผู้ที่ไม่ท้อถอย
สำหรับคริสเตียนเป็นโอกาสที่เราจะสำแดงความรักของพระเจ้า และได้สะสมรางวัลบนสวรรค์เป็นทรัพย์สมบัติที่ยั่งยืนถาวร
2คร. 4:17-18 เพราะว่าการทุกข์ยากเล็กๆ น้อยๆ ของเรา ซึ่งเรารับอยู่ประเดี๋ยวเดียวนั้น จะทำให้เรามีศักดิ์ศรีถาวรมากหาที่เปรียบมิได้18 เพราะว่าเราไม่ได้เห็นแก่สิ่งของที่เรามองเห็นอยู่ แต่เห็นแก่สิ่งของที่มองไม่เห็น เพราะว่าสิ่งของซึ่งมองเห็นอยู่นั้นเป็นของไม่ยั่งยืน แต่สิ่งซึ่งมองไม่เห็นนั้นก็ถาวรนิรันดร์
มธ. 6:19 -20 “อย่าส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัวในโลก ที่อาจเป็นสนิมและที่แมลงกินเสียได้ และที่ขโมยอาจขุดช่องลักเอาไปได้20 แต่จงส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์ ที่ไม่มีแมลงจะกินและไม่มีสนิมจะกัด และที่ไม่มีขโมยขุดช่องลักเอาไปได้
2คร. 5:9-10 เหตุฉะนั้นเราตั้งเป้าของเราว่า จะอยู่ในกายนี้ก็ดีหรือไม่อยู่ก็ดี เราก็จะทำตัวให้เป็นที่พอพระทัยของพระองค์10 เพราะว่าจำเป็นที่เราทุกคนจะต้องปรากฏตัวที่หน้าบัลลังก์ของพระคริสต์ เพื่อทุกคนจะได้รับสมกับการที่ได้ประพฤติในร่างกายนี้ แล้วแต่จะดีหรือชั่ว
4.เมื่อเรามีใจกว้างขวางพระเจ้าจะยิ่งเพิ่มพูนให้เรามากขึ้น
2คร. 9:10 ฝ่ายพระองค์ผู้ประทานพืชแก่คนที่หว่าน และประทานอาหารแก่คนที่กิน จะทรงโปรดให้พืชของท่านที่หว่านแล้วนั้นทวีขึ้นเป็นอันมาก และจะทรงให้ผลแห่งความชอบธรรมของท่านเจริญยิ่งขึ้น
5.เมื่อเราสำแดงความรักและยื่นมือเข้าทำการช่วยเหลือคนจะสรรเสริญและขอบคุณพระเจ้า
2คร. 9:11-13 โดยทรงให้ท่านทั้งหลายมีสิ่งสารพัดมั่งคั่งบริบูรณ์ขึ้น เพื่อให้ท่านมีแจกจ่ายอย่างใจกว้างขวาง ซึ่งโดยเราจัดแจก จะให้เกิดการขอบพระคุณพระเจ้า
12 เพราะว่าการรับใช้ในการปรนนิบัตินั้น มิใช่จะช่วยธรรมิกชนซึ่งขัดสนเท่านั้น แต่ยังเป็นเหตุให้มีการขอบพระคุณพระเจ้าเป็นอันมากด้วย
13 และเนื่องจากผลแห่งการปฏิบัตินั้น เขาจึงสรรเสริญพระเจ้า โดยเหตุที่ท่านทั้งหลายยอมฟัง และตั้งใจอยู่ในอำนาจข่าวประเสริฐของพระคริสต์ และเพราะเหตุท่านได้แจกจ่ายแก่เขา และแก่คนทั้งปวงด้วยใจกว้างขวาง
1.เรามีของมีค่าที่อยู่ในเราคือพระวิญญาณ
ในร่างกายเรือนดินของเรามีพระผู้ช่วยที่ยินดีช่วยเหลือเราเมื่อเราร้องขอ และพระวิญญาณจะประทานกำลังกายใจสติปัญญาให้แก่เรา ที่จะต่อสู้ฟันฝ่าวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปได้ ให้มองสิ่งดีและคิดในเชิงบวก รักษากำลังใจที่ดีเอาไว้
ฟป. 4:8 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ในที่สุดนี้ขอจงใคร่ครวญถึงสิ่งที่จริง สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ยุติธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่ทรงคุณ คือถ้ามีสิ่งใดที่ล้ำเลิศ สิ่งใดที่ควรแก่การสรรเสริญ ก็ขอจงใคร่ครวญดู
2คร. 4:7-9 แต่ว่าเรามีของมีค่านี้อยู่ในภาชนะดิน เพื่อให้เห็นว่า ฤทธิ์เดชอันเลิศนั้นเป็นของพระเจ้า ไม่ได้มาจากตัวเราเอง8 เราถูกขนาบรอบข้าง แต่ก็ไม่ถึงกับกระดิกไม่ไหว เราจนปัญญาแต่ก็ไม่ถึงกับหมดมานะ
9 เราถูกข่มเหงแต่ก็ไม่ถูกทอดทิ้ง เราถูกตีลงแล้ว แต่ก็ไม่ถึงตาย
2.หลายครั้งคริสเตียนเข้มแข็งเติบโตฝ่ายวิญญาณขึ้นเพราะผ่านความยากลำบาก
2คร. 4:16 เหตุฉะนั้นเราจึงไม่ย่อท้อ ถึงแม้ว่ากายภายนอกของเรากำลังทรุดโทรมไป แต่จิตใจภายในนั้นก็ยังคงจำเริญขึ้นใหม่ทุกวัน
3.สถานการณ์สร้างโอกาสสำหรับผู้ที่ไม่ท้อถอย
สำหรับคริสเตียนเป็นโอกาสที่เราจะสำแดงความรักของพระเจ้า และได้สะสมรางวัลบนสวรรค์เป็นทรัพย์สมบัติที่ยั่งยืนถาวร
2คร. 4:17-18 เพราะว่าการทุกข์ยากเล็กๆ น้อยๆ ของเรา ซึ่งเรารับอยู่ประเดี๋ยวเดียวนั้น จะทำให้เรามีศักดิ์ศรีถาวรมากหาที่เปรียบมิได้18 เพราะว่าเราไม่ได้เห็นแก่สิ่งของที่เรามองเห็นอยู่ แต่เห็นแก่สิ่งของที่มองไม่เห็น เพราะว่าสิ่งของซึ่งมองเห็นอยู่นั้นเป็นของไม่ยั่งยืน แต่สิ่งซึ่งมองไม่เห็นนั้นก็ถาวรนิรันดร์
มธ. 6:19 -20 “อย่าส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัวในโลก ที่อาจเป็นสนิมและที่แมลงกินเสียได้ และที่ขโมยอาจขุดช่องลักเอาไปได้20 แต่จงส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์ ที่ไม่มีแมลงจะกินและไม่มีสนิมจะกัด และที่ไม่มีขโมยขุดช่องลักเอาไปได้
2คร. 5:9-10 เหตุฉะนั้นเราตั้งเป้าของเราว่า จะอยู่ในกายนี้ก็ดีหรือไม่อยู่ก็ดี เราก็จะทำตัวให้เป็นที่พอพระทัยของพระองค์10 เพราะว่าจำเป็นที่เราทุกคนจะต้องปรากฏตัวที่หน้าบัลลังก์ของพระคริสต์ เพื่อทุกคนจะได้รับสมกับการที่ได้ประพฤติในร่างกายนี้ แล้วแต่จะดีหรือชั่ว
4.เมื่อเรามีใจกว้างขวางพระเจ้าจะยิ่งเพิ่มพูนให้เรามากขึ้น
2คร. 9:10 ฝ่ายพระองค์ผู้ประทานพืชแก่คนที่หว่าน และประทานอาหารแก่คนที่กิน จะทรงโปรดให้พืชของท่านที่หว่านแล้วนั้นทวีขึ้นเป็นอันมาก และจะทรงให้ผลแห่งความชอบธรรมของท่านเจริญยิ่งขึ้น
5.เมื่อเราสำแดงความรักและยื่นมือเข้าทำการช่วยเหลือคนจะสรรเสริญและขอบคุณพระเจ้า
2คร. 9:11-13 โดยทรงให้ท่านทั้งหลายมีสิ่งสารพัดมั่งคั่งบริบูรณ์ขึ้น เพื่อให้ท่านมีแจกจ่ายอย่างใจกว้างขวาง ซึ่งโดยเราจัดแจก จะให้เกิดการขอบพระคุณพระเจ้า
12 เพราะว่าการรับใช้ในการปรนนิบัตินั้น มิใช่จะช่วยธรรมิกชนซึ่งขัดสนเท่านั้น แต่ยังเป็นเหตุให้มีการขอบพระคุณพระเจ้าเป็นอันมากด้วย
13 และเนื่องจากผลแห่งการปฏิบัตินั้น เขาจึงสรรเสริญพระเจ้า โดยเหตุที่ท่านทั้งหลายยอมฟัง และตั้งใจอยู่ในอำนาจข่าวประเสริฐของพระคริสต์ และเพราะเหตุท่านได้แจกจ่ายแก่เขา และแก่คนทั้งปวงด้วยใจกว้างขวาง
ชีวิตที่เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในพระเยซูคริสต์
ประการที่ 1 พระวจนะเป็นอาหารที่จะทำให้จิตวิญญาณเราเติบโต เราจึงต้องอ่าน (เหมือนการอ้าปากกินพระคำ)
มธ. 4:4 ฝ่ายพระองค์ตรัสตอบว่า “มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ‘มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวหามิได้ แต่บำรุงด้วยพระวจนะทุกคำ ซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า’ ”
ลก. 8:15 และซึ่งตกที่ดินดีนั้น ได้แก่คนเหล่านั้นที่ได้ยินพระวจนะด้วยใจเลื่อมใสศรัทธา แล้วก็จดจำไว้ จึงเกิดผลโดยความเพียร
ประการที่ 2 เราต้องขอความเข้าใจและเพิ่มพูนความเชื่อ ย่อยและดูดซึมสารอารหาร
อิสยาห์ 1:19 ถ้าเจ้าเต็มใจและเชื่อฟัง เจ้าจะได้กินผลดีแห่งแผ่นดิน
สดุดี 115:13 พระองค์จะทรงอำนวยพระพรแก่บรรดาผู้ที่ยำเกรงพระเยโฮวาห์ทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อย
กจ. 17:11 ยิวชาวเมืองนั้นมีจิตใจสูงกว่าชาวเมืองเธสะโลนิกา ด้วยเขามีใจเลื่อมใสรับพระวจนะของพระเจ้า และค้นดูพระคัมภีร์ทุกวัน หวังจะรู้ว่าข้อความเหล่านั้นจะจริงดังกล่าวหรือไม่
ประการที่ 3 เราต้องเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และทำงานร่วมกันกับพระองค์โดยยอมเป็นภาชนะ
กจ. 4:31 เมื่อเขาอธิษฐานแล้ว ที่ซึ่งเขาประชุมอยู่นั้นได้หวั่นไหว และคนเหล่านั้นประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ได้กล่าวพระวจนะของพระเจ้าด้วยใจกล้าหาญ
กจ. 19:11 พระเจ้าได้ทรงกระทำอิทธิฤทธิ์อันพิสดารด้วยมือของเปาโล
กจ. 19:12 จนเขานำเอาผ้าเช็ดหน้ากับผ้ากันเปื้อนจากตัวเปาโลไปวางที่ตัวคนป่วยไข้ โรคนั้นก็หายและผีร้ายก็ออกจากคน
กจ. 19:13 แต่พวกยิวบางคน ที่เที่ยวไปเป็นหมอผีพยายามใช้พระนามของพระเยซูเจ้า ขับผีร้ายว่า “เราสั่งเจ้าโดยพระเยซูซึ่งเปาโลได้ประกาศนั้น”
กจ. 19:14 พวกยิวคนหนึ่งชื่อเสวาเป็นปุโรหิตใหญ่ มีบุตรชายเจ็ดคนซึ่งทำอย่างนั้น
กจ. 19:15 ฝ่ายผีร้ายจึงพูดกับเขาว่า “พระเยซู ข้าก็คุ้นเคย และเปาโล ข้าก็รู้จัก แต่พวกเจ้าเป็นผู้ใดเล่า”
กจ. 19:16 คนที่มีผีสิงนั้น จึงกระโดดใส่คนเหล่านั้นและต่อสู้จนชนะเขาได้ เขาต้องหนีออกไปจากเรือนตัวเปล่าและมีบาดเจ็บ
กจ. 19:17 เรื่องนั้นได้ลือกันไปถึงหูคนทั้งปวงที่อยู่ในเมืองเอเฟซัส ทั้งพวกยิวกับพวกกรีก และคนทั้งปวงก็พากันมีความเกรงกลัว และพระนามของพระเยซูเจ้าก็เป็นที่ยกย่องสรรเสริญ
กจ. 19:18 มีหลายคนที่เชื่อแล้วได้มาสารภาพและเปิดเผยว่า เขาได้ใช้เวทมนตร์
กจ. 19:19 และหลายคนที่ใช้เวทมนตร์คาถา ได้เอาตำราของตนมาเผาไฟเสียต่อหน้าคนทั้งปวง ตำราเหล่านั้น คิดเป็นราคาเงินถึงห้าหมื่นเหรียญ
กจ. 19:20 พระวจนะของพระเจ้าก็บังเกิดผลเจริญและมีชัย
ประการที่4 ชีวิตที่มั่นใจในความรักและชัยชนะที่พระเจ้าประทานให้
ยน. 10:10
ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลักและฆ่าและทำลายเสีย เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์
รม. 8:31
ถ้าเช่นนั้นเราจะว่าอย่างไร ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ใครจะขัดขวางเรา
รม. 8:32
พระองค์ผู้มิได้ทรงหวงพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ แต่ได้ทรงโปรดประทานพระบุตรนั้นเพื่อประโยชน์แก่เรา ถ้าเช่นนั้นพระองค์จะไม่ทรงโปรดประทานสิ่งสารพัดให้เราทั้งหลาย ด้วยกันกับพระบุตรนั้นหรือ
สดด. 23:1
พระเจ้าทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าดุจเลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าจะไม่ขัดสน
สดด. 23:2
พระองค์ทรงกระทำให้ข้าพเจ้านอนลงที่ทุ่งหญ้าเขียวสด พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปริมน้ำแดนสงบ
มธ. 4:4 ฝ่ายพระองค์ตรัสตอบว่า “มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ‘มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวหามิได้ แต่บำรุงด้วยพระวจนะทุกคำ ซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า’ ”
ลก. 8:15 และซึ่งตกที่ดินดีนั้น ได้แก่คนเหล่านั้นที่ได้ยินพระวจนะด้วยใจเลื่อมใสศรัทธา แล้วก็จดจำไว้ จึงเกิดผลโดยความเพียร
ประการที่ 2 เราต้องขอความเข้าใจและเพิ่มพูนความเชื่อ ย่อยและดูดซึมสารอารหาร
อิสยาห์ 1:19 ถ้าเจ้าเต็มใจและเชื่อฟัง เจ้าจะได้กินผลดีแห่งแผ่นดิน
สดุดี 115:13 พระองค์จะทรงอำนวยพระพรแก่บรรดาผู้ที่ยำเกรงพระเยโฮวาห์ทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อย
กจ. 17:11 ยิวชาวเมืองนั้นมีจิตใจสูงกว่าชาวเมืองเธสะโลนิกา ด้วยเขามีใจเลื่อมใสรับพระวจนะของพระเจ้า และค้นดูพระคัมภีร์ทุกวัน หวังจะรู้ว่าข้อความเหล่านั้นจะจริงดังกล่าวหรือไม่
ประการที่ 3 เราต้องเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และทำงานร่วมกันกับพระองค์โดยยอมเป็นภาชนะ
กจ. 4:31 เมื่อเขาอธิษฐานแล้ว ที่ซึ่งเขาประชุมอยู่นั้นได้หวั่นไหว และคนเหล่านั้นประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ได้กล่าวพระวจนะของพระเจ้าด้วยใจกล้าหาญ
กจ. 19:11 พระเจ้าได้ทรงกระทำอิทธิฤทธิ์อันพิสดารด้วยมือของเปาโล
กจ. 19:12 จนเขานำเอาผ้าเช็ดหน้ากับผ้ากันเปื้อนจากตัวเปาโลไปวางที่ตัวคนป่วยไข้ โรคนั้นก็หายและผีร้ายก็ออกจากคน
กจ. 19:13 แต่พวกยิวบางคน ที่เที่ยวไปเป็นหมอผีพยายามใช้พระนามของพระเยซูเจ้า ขับผีร้ายว่า “เราสั่งเจ้าโดยพระเยซูซึ่งเปาโลได้ประกาศนั้น”
กจ. 19:14 พวกยิวคนหนึ่งชื่อเสวาเป็นปุโรหิตใหญ่ มีบุตรชายเจ็ดคนซึ่งทำอย่างนั้น
กจ. 19:15 ฝ่ายผีร้ายจึงพูดกับเขาว่า “พระเยซู ข้าก็คุ้นเคย และเปาโล ข้าก็รู้จัก แต่พวกเจ้าเป็นผู้ใดเล่า”
กจ. 19:16 คนที่มีผีสิงนั้น จึงกระโดดใส่คนเหล่านั้นและต่อสู้จนชนะเขาได้ เขาต้องหนีออกไปจากเรือนตัวเปล่าและมีบาดเจ็บ
กจ. 19:17 เรื่องนั้นได้ลือกันไปถึงหูคนทั้งปวงที่อยู่ในเมืองเอเฟซัส ทั้งพวกยิวกับพวกกรีก และคนทั้งปวงก็พากันมีความเกรงกลัว และพระนามของพระเยซูเจ้าก็เป็นที่ยกย่องสรรเสริญ
กจ. 19:18 มีหลายคนที่เชื่อแล้วได้มาสารภาพและเปิดเผยว่า เขาได้ใช้เวทมนตร์
กจ. 19:19 และหลายคนที่ใช้เวทมนตร์คาถา ได้เอาตำราของตนมาเผาไฟเสียต่อหน้าคนทั้งปวง ตำราเหล่านั้น คิดเป็นราคาเงินถึงห้าหมื่นเหรียญ
กจ. 19:20 พระวจนะของพระเจ้าก็บังเกิดผลเจริญและมีชัย
ประการที่4 ชีวิตที่มั่นใจในความรักและชัยชนะที่พระเจ้าประทานให้
ยน. 10:10
ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลักและฆ่าและทำลายเสีย เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์
รม. 8:31
ถ้าเช่นนั้นเราจะว่าอย่างไร ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ใครจะขัดขวางเรา
รม. 8:32
พระองค์ผู้มิได้ทรงหวงพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ แต่ได้ทรงโปรดประทานพระบุตรนั้นเพื่อประโยชน์แก่เรา ถ้าเช่นนั้นพระองค์จะไม่ทรงโปรดประทานสิ่งสารพัดให้เราทั้งหลาย ด้วยกันกับพระบุตรนั้นหรือ
สดด. 23:1
พระเจ้าทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าดุจเลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าจะไม่ขัดสน
สดด. 23:2
พระองค์ทรงกระทำให้ข้าพเจ้านอนลงที่ทุ่งหญ้าเขียวสด พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปริมน้ำแดนสงบ
วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2551
พระนามของพระเจ้าในพระคัมภีร์เดิม
พระนามของพระเจ้าในพระคัมภีร์เดิม :
ในพระคัมภีร์เดิมมีวลีหรือคำเรียกพระเจ้า ที่พอจะแบ่งได้สามแบบใหญ่ๆดังนี้ 1. พระนามเฉพาะของพระเจ้า ในสมัยโบราณนั้น ชื่อของบุคคลมีความสำคัญยิ่ง เพราะชื่อจะบ่งบอกลักษณะนิสัย เอกลักษณ์ความเป็นบุคคลของคนนั้น ดังนั้นการที่พระเจ้าทรงสำแดงพระนามของพระองค์แก่ มนุษย์จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก 1.1 เยโฮวาห์ (ยาห์เวห์) ปรากฏในพระคัมภีร์ฉบับฮีบรูประมาณ 6,800 ครั้ง พระนามนี้มาจากพยัญชนะฮีบรูสี่ตัว (Tetragrammaton) โดยปกติจะอ่านว่า "ยาห์เวห์" แต่สมัยหลังการเป็นเชลย คนอิสราเอลถือว่าพระนามนี้บริสุทธิ์เกินกว่าจะออกเสียง ดังนั้นทุกครั้งที่เขาอ่านพระคัมภีร์และพบพยัญชนะสี่ตัวนี้จะออกเสียงเป็น "อาโดนาย" สำหรับความหมายของพระนามนี้มีการตีความต่างกันเป็นสองอย่างคือ -- ก. มาจากคำกริยาฮีบรูปกติ ที่แปลว่า "เป็น" หรือ "ดำรงอยู่" ดังนั้นใน อพยพ 3:14 พระเจ้าทรงระบุเอกลักษณ์ของพระองค์เองว่า "เราเป็นซึ่งเราเป็น" หรือ "เราจะเป็นผู้ที่เราจะเป็น" หมายความว่า พระองค์ทรงเป็นผู้ดำรงอยู่และเป็นผู้ที่จะช่วยเหลือ -- ข. มาจากคำกริยาฮีบรูเดียวกันกับข้างต้น แต่เน้นที่ตัวผู้กระทำ ดังนั้นจึงเข้าใจว่า พระนามนี้มีความหมายว่า "เราเป็นเหตุให้ดำรงอยู่" นั่นก็คือ พระเจ้าเป็นพระผู้สร้างและผู้ครอบครองสรรพสิ่ง 1.2 ยาห์เวห์ สะบาโอท เป็นพระนามที่มาจากการประกอบคำนาม 2 คำต่อกัน มีปรากฏในพระคัมภีร์ฉบับฮีบรู 279 ครั้ง แปลเป็นภาษาไทยฉบับ 1971 ว่า "พระเจ้าจอมโยธา" มีความหมายว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้บัญชากองทัพแห่งฟ้าสวรรค์ 1.3 เยโฮวาห์ ยิเรห์ (ยาห์เวห์ ยิเรห์) แปลว่า "พระยาห์เวห์จะทรงจัดเตรียม" อับราฮัมได้เรียกสถานที่ซึ่งพระเจ้าประทานแกะ มาเป็นเครื่องบูชาแทนอิสอัคด้วยพระนามนี้ เพื่อระลึกถึงพระคุณของพระองค์ (ปฐก.22:14) 1.4 เยโฮวาห์ นิสสี (ยาห์เวห์ นิสสี) แปลว่า "พระยาห์เวห์ทรงเป็นธงของข้าพเจ้า" โมเสสได้สร้างแท่นบูชาเรียกชื่อด้วยพระนามนี้ เพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าผู้ประทานชัยชนะ แก่คนอิสราเอลเหนือคนอามาเลข (อพย.17:15) 1.5 ยาห์เวห์ ชาโลม แปลว่า "พระยาห์เวห์ทรงเป็นสันติสุข" หรือ "พระเจ้าคือสวัสดิภาพ" กิเดโอน เรียกแท่นบูชาที่สร้างขึ้นที่โอฟราห์ด้วยพระนามนี้ (วนฉ.6:24) 1.6 ยาห์เวห์ ชัมมาห์ แปลว่า "พระยาห์เวห์สถิตที่นั่น" หรือ "พระเจ้าสถิตที่นั่น" วลีนี้กล่าวถึงนครที่ผู้เผยพระวจนะเอเสเคียลเห็นในนิมิต (อสค.48:35) 2. พระนามทั่วไป 2.1 เอโลฮิม ปรากฏในพระคัมภีร์ฉบับฮีบรูถึง 2,500 ครั้ง เป็นคำพหูพจน์ของคำว่า เอโลอาห์ หมายถึง พระต่างๆที่คนต่างชาตินับถือ (อพย.20:3) แต่ส่วนมากใช้ในความหมายเอกพจน์ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ เพื่อหมายถึง พระเจ้าเที่ยงแท้พระองค์เดียวของชนชาติอิสราเอล (ปฐก.1:1) 2.2 เอโลอาห์ ปรากฏเพียง 57 ครั้งในพระคัมภีร์ฉบับฮีบรู ส่วนมากพบในหนังสือโยบ เช่น โยบ 3:4 2.3 เอล ปรากฏกว่า 2,000 ครั้งในพระคัมภีร์ฉบับฮีบรู "เอล" เป็นชื่อของพระสูงสุดของคนคานาอัน "เอล" เป็นพระผู้สร้างและผู้ให้กำเนิดพระทั้งปวง ทรงมีอำนาจเหนือโลกมนุษย์และโลกฝ่ายวิญญาณ เมื่อคนอิสราเอลตั้งรกรากในคานาอัน พวกเขาก็รับขนบธรรมเนียมของเพื่อนบ้านและเชื่อมโยง พระยาห์เวห์ผู้ปลดปล่อยพวกเขาออกจากอียิปต์เข้ากับ "เอล" ในตำนานศาสนาของคานาอัน 2.4 เอล ชัดดาย แปลว่า "พระเจ้าแห่งขุนเขา" ใน อพย.6:3 เราพบว่า พระเจ้า (เอล) ของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ คือพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ (เอล ชัดดาย) 2.5 เอล เอลยอน แปลว่า "พระเจ้าผู้สูงสุด" (ปฐก.14:18-19) ได้แก่พระเจ้าองค์ที่เมลคีเซเดค นมัสการที่เยรูซาเล็มซึ่งต่อมากลายเป็นกรุงเยรูซาเล็ม (ประมาณ 1,000 ปี ก่อน ค.ศ.) และภายหลังเมื่ออิสราเอลยึดครองเยรูซาเล็มแล้ว ก็ผนวก เอล เอลยอน เข้ากับพระยาห์เวห์ โดยเป็นพระนามหนึ่งของพระองค์ (สดด.47:2-3) 2.6 เอล โอลาม แปลว่า "พระเจ้านิรันดร์" นี่เป็นชื่อพระของคนคานาอันที่เมืองเบเออร์เชบา ต่อมาอับราฮัมก็เรียกพระยาห์เวห์ของตนว่า เอล โอลาม (พระเจ้านิรันดร์) (ปฐก.21:33) 2.7 เอล โรอี แปลว่า "พระเจ้าผู้ให้เห็น" หรือ "พระเจ้าแห่งการเห็น" ที่น้ำพุในถิ่นทุรกันดาร นางฮาการ์เรียกด้วยพระนามนี้เพราะพระองค์ทรงปรากฏแก่นาง และให้นางทราบถึงอนาคตของบุตรชาย (ปฐก.16:13-14) 2.8 เอล เอโลเฮ ยิสเรเอล แปลได้ว่า "พระเจ้า คือ พระเจ้าแห่งอิสราเอล" ดู ปฐก.33:19-20 แต่หลังสมัยโยชูวาเป็นต้นมา ก็ใช้วลี "ยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล" ดู ยชว.8:30 3. สมญานามของพระเจ้า 3.1 ในแวดวงสังคม อาโดนาย แปลว่า "เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ของข้าพเจ้า" คำนี้เป็นพหูพจน์ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ เป็นคำเรียกที่ให้เกียรติและความนับถือแก่ผู้เป็นใหญ่ในสังคม เช่น กษัตริย์ สามี เจ้าของทาส ต่อมาหลังสมัยเป็นเชลย คำนี้ใช้เรียกแทนพระนามยาห์เวห์ในการนมัสการ 3.2 ในแวดวงการเมืองการปกครอง ได้แก่ กษัตริย์ (ยิ่งใหญ่เหนือพระทั้งหลาย) ใน สดด.95:3 ผู้พิพากษา (สากลโลก) ใน ปฐก.18:25 ผู้เลี้ยงแกะ ใน สดด.23 สมญานามเหล่านี้ บ่งบอกฐานะและบทบาทของพระเจ้าในการเป็นผู้ปกครองเหนืออิสราเอล 3.3 ในแวดวงครอบครัว เพื่อแสดงความสัมพันธ์แบบเครือญาติระหว่างพระเจ้ากับผู้นมัสการพระองค์ สมญานามเหล่านั้นได้แก่ บิดา (ฉธบ.32:6) พี่ชาย (กดว.1:12 ในชื่อของอาหิเยเซอร์ ที่แปลว่า พี่ชายของข้าพเจ้า คือ ผู้อุปถัมภ์) ญาติสนิท (พระผู้ไถ่ ใน สดด.19:14 ได้แก่ ญาติสนิทถัดมา ผู้มีหน้าที่ช่วยเหลือญาติด้วยกันให้พ้นจากความทุกข์ยากลำบาก ดู ลนต.25:25)
ในพระคัมภีร์เดิมมีวลีหรือคำเรียกพระเจ้า ที่พอจะแบ่งได้สามแบบใหญ่ๆดังนี้ 1. พระนามเฉพาะของพระเจ้า ในสมัยโบราณนั้น ชื่อของบุคคลมีความสำคัญยิ่ง เพราะชื่อจะบ่งบอกลักษณะนิสัย เอกลักษณ์ความเป็นบุคคลของคนนั้น ดังนั้นการที่พระเจ้าทรงสำแดงพระนามของพระองค์แก่ มนุษย์จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก 1.1 เยโฮวาห์ (ยาห์เวห์) ปรากฏในพระคัมภีร์ฉบับฮีบรูประมาณ 6,800 ครั้ง พระนามนี้มาจากพยัญชนะฮีบรูสี่ตัว (Tetragrammaton) โดยปกติจะอ่านว่า "ยาห์เวห์" แต่สมัยหลังการเป็นเชลย คนอิสราเอลถือว่าพระนามนี้บริสุทธิ์เกินกว่าจะออกเสียง ดังนั้นทุกครั้งที่เขาอ่านพระคัมภีร์และพบพยัญชนะสี่ตัวนี้จะออกเสียงเป็น "อาโดนาย" สำหรับความหมายของพระนามนี้มีการตีความต่างกันเป็นสองอย่างคือ -- ก. มาจากคำกริยาฮีบรูปกติ ที่แปลว่า "เป็น" หรือ "ดำรงอยู่" ดังนั้นใน อพยพ 3:14 พระเจ้าทรงระบุเอกลักษณ์ของพระองค์เองว่า "เราเป็นซึ่งเราเป็น" หรือ "เราจะเป็นผู้ที่เราจะเป็น" หมายความว่า พระองค์ทรงเป็นผู้ดำรงอยู่และเป็นผู้ที่จะช่วยเหลือ -- ข. มาจากคำกริยาฮีบรูเดียวกันกับข้างต้น แต่เน้นที่ตัวผู้กระทำ ดังนั้นจึงเข้าใจว่า พระนามนี้มีความหมายว่า "เราเป็นเหตุให้ดำรงอยู่" นั่นก็คือ พระเจ้าเป็นพระผู้สร้างและผู้ครอบครองสรรพสิ่ง 1.2 ยาห์เวห์ สะบาโอท เป็นพระนามที่มาจากการประกอบคำนาม 2 คำต่อกัน มีปรากฏในพระคัมภีร์ฉบับฮีบรู 279 ครั้ง แปลเป็นภาษาไทยฉบับ 1971 ว่า "พระเจ้าจอมโยธา" มีความหมายว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้บัญชากองทัพแห่งฟ้าสวรรค์ 1.3 เยโฮวาห์ ยิเรห์ (ยาห์เวห์ ยิเรห์) แปลว่า "พระยาห์เวห์จะทรงจัดเตรียม" อับราฮัมได้เรียกสถานที่ซึ่งพระเจ้าประทานแกะ มาเป็นเครื่องบูชาแทนอิสอัคด้วยพระนามนี้ เพื่อระลึกถึงพระคุณของพระองค์ (ปฐก.22:14) 1.4 เยโฮวาห์ นิสสี (ยาห์เวห์ นิสสี) แปลว่า "พระยาห์เวห์ทรงเป็นธงของข้าพเจ้า" โมเสสได้สร้างแท่นบูชาเรียกชื่อด้วยพระนามนี้ เพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าผู้ประทานชัยชนะ แก่คนอิสราเอลเหนือคนอามาเลข (อพย.17:15) 1.5 ยาห์เวห์ ชาโลม แปลว่า "พระยาห์เวห์ทรงเป็นสันติสุข" หรือ "พระเจ้าคือสวัสดิภาพ" กิเดโอน เรียกแท่นบูชาที่สร้างขึ้นที่โอฟราห์ด้วยพระนามนี้ (วนฉ.6:24) 1.6 ยาห์เวห์ ชัมมาห์ แปลว่า "พระยาห์เวห์สถิตที่นั่น" หรือ "พระเจ้าสถิตที่นั่น" วลีนี้กล่าวถึงนครที่ผู้เผยพระวจนะเอเสเคียลเห็นในนิมิต (อสค.48:35) 2. พระนามทั่วไป 2.1 เอโลฮิม ปรากฏในพระคัมภีร์ฉบับฮีบรูถึง 2,500 ครั้ง เป็นคำพหูพจน์ของคำว่า เอโลอาห์ หมายถึง พระต่างๆที่คนต่างชาตินับถือ (อพย.20:3) แต่ส่วนมากใช้ในความหมายเอกพจน์ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ เพื่อหมายถึง พระเจ้าเที่ยงแท้พระองค์เดียวของชนชาติอิสราเอล (ปฐก.1:1) 2.2 เอโลอาห์ ปรากฏเพียง 57 ครั้งในพระคัมภีร์ฉบับฮีบรู ส่วนมากพบในหนังสือโยบ เช่น โยบ 3:4 2.3 เอล ปรากฏกว่า 2,000 ครั้งในพระคัมภีร์ฉบับฮีบรู "เอล" เป็นชื่อของพระสูงสุดของคนคานาอัน "เอล" เป็นพระผู้สร้างและผู้ให้กำเนิดพระทั้งปวง ทรงมีอำนาจเหนือโลกมนุษย์และโลกฝ่ายวิญญาณ เมื่อคนอิสราเอลตั้งรกรากในคานาอัน พวกเขาก็รับขนบธรรมเนียมของเพื่อนบ้านและเชื่อมโยง พระยาห์เวห์ผู้ปลดปล่อยพวกเขาออกจากอียิปต์เข้ากับ "เอล" ในตำนานศาสนาของคานาอัน 2.4 เอล ชัดดาย แปลว่า "พระเจ้าแห่งขุนเขา" ใน อพย.6:3 เราพบว่า พระเจ้า (เอล) ของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ คือพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ (เอล ชัดดาย) 2.5 เอล เอลยอน แปลว่า "พระเจ้าผู้สูงสุด" (ปฐก.14:18-19) ได้แก่พระเจ้าองค์ที่เมลคีเซเดค นมัสการที่เยรูซาเล็มซึ่งต่อมากลายเป็นกรุงเยรูซาเล็ม (ประมาณ 1,000 ปี ก่อน ค.ศ.) และภายหลังเมื่ออิสราเอลยึดครองเยรูซาเล็มแล้ว ก็ผนวก เอล เอลยอน เข้ากับพระยาห์เวห์ โดยเป็นพระนามหนึ่งของพระองค์ (สดด.47:2-3) 2.6 เอล โอลาม แปลว่า "พระเจ้านิรันดร์" นี่เป็นชื่อพระของคนคานาอันที่เมืองเบเออร์เชบา ต่อมาอับราฮัมก็เรียกพระยาห์เวห์ของตนว่า เอล โอลาม (พระเจ้านิรันดร์) (ปฐก.21:33) 2.7 เอล โรอี แปลว่า "พระเจ้าผู้ให้เห็น" หรือ "พระเจ้าแห่งการเห็น" ที่น้ำพุในถิ่นทุรกันดาร นางฮาการ์เรียกด้วยพระนามนี้เพราะพระองค์ทรงปรากฏแก่นาง และให้นางทราบถึงอนาคตของบุตรชาย (ปฐก.16:13-14) 2.8 เอล เอโลเฮ ยิสเรเอล แปลได้ว่า "พระเจ้า คือ พระเจ้าแห่งอิสราเอล" ดู ปฐก.33:19-20 แต่หลังสมัยโยชูวาเป็นต้นมา ก็ใช้วลี "ยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล" ดู ยชว.8:30 3. สมญานามของพระเจ้า 3.1 ในแวดวงสังคม อาโดนาย แปลว่า "เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ของข้าพเจ้า" คำนี้เป็นพหูพจน์ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ เป็นคำเรียกที่ให้เกียรติและความนับถือแก่ผู้เป็นใหญ่ในสังคม เช่น กษัตริย์ สามี เจ้าของทาส ต่อมาหลังสมัยเป็นเชลย คำนี้ใช้เรียกแทนพระนามยาห์เวห์ในการนมัสการ 3.2 ในแวดวงการเมืองการปกครอง ได้แก่ กษัตริย์ (ยิ่งใหญ่เหนือพระทั้งหลาย) ใน สดด.95:3 ผู้พิพากษา (สากลโลก) ใน ปฐก.18:25 ผู้เลี้ยงแกะ ใน สดด.23 สมญานามเหล่านี้ บ่งบอกฐานะและบทบาทของพระเจ้าในการเป็นผู้ปกครองเหนืออิสราเอล 3.3 ในแวดวงครอบครัว เพื่อแสดงความสัมพันธ์แบบเครือญาติระหว่างพระเจ้ากับผู้นมัสการพระองค์ สมญานามเหล่านั้นได้แก่ บิดา (ฉธบ.32:6) พี่ชาย (กดว.1:12 ในชื่อของอาหิเยเซอร์ ที่แปลว่า พี่ชายของข้าพเจ้า คือ ผู้อุปถัมภ์) ญาติสนิท (พระผู้ไถ่ ใน สดด.19:14 ได้แก่ ญาติสนิทถัดมา ผู้มีหน้าที่ช่วยเหลือญาติด้วยกันให้พ้นจากความทุกข์ยากลำบาก ดู ลนต.25:25)
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 21.09.2008

เรื่อง เชิญมาร่วมรับประทานอาหารร่วมกัน
ยน.4:34 34พระเยซูตรัสกับเขาว่า “อาหารของเราคือการกระทำตามพระทัยของพระองค์ ผู้ทรงใช้เรามา และทำให้งานของพระองค์สำเร็จ 35ท่านทั้งหลายว่า อีกสี่เดือนจะถึงฤดูเกี่ยวข้าวมิใช่หรือ เราบอกท่านทั้งหลายว่า เงยหน้าขึ้นดูนาเถิด ว่าทุ่งนาเหลืองอร่าม ถึงเวลาเกี่ยวแล้ว 36คนเกี่ยวก็กำลังได้รับค่าจ้าง และกำลังส่ำสมพืชผลไว้สำหรับชีวิตนิรันดร์ เพื่อทั้งคนหว่านและคนเกี่ยวจะชื่นชมยินดีด้วยกัน
1.รายการอาหารแบบไหนที่ท่านต้องการ เมนูของพระเจ้า เมนูของโลกนี้ หรือเมนูของเนื้อหนัง
การทำตามน้ำพระทัยพระเจ้าเป็นเรื่องสำคัญ
· พระเยซูอุปมาว่า การทำตามน้ำพระทัยพระเจ้าเป็นเรื่องจำเป็นของชีวิตมนุษย์ มนุษย์จำเป็นต้องมีอาหารที่รับประทานเข้าไปเพื่อหล่อเลี้ยงร่างกาย จิตวิญญาณซึ่งเป็นตัวตนที่แท้จริงของเราก็จำเป็นที่จะต้องทำตามวัตถุประสงค์ ทำหน้าที่ที่ถูกกำหนดไว้ โดยพระเจ้าได้ปั้นเราเป็นภาชนะ เป็นอวัยวะต่างๆในร่างกาย ที่ต้องทำหน้าที่ของมัน เราจึงต้องทำตามสิ่งที่พรเจ้าสร้างเรา และทันทีที่เราทำ จะเป็นเหมือนการได้รับประทานอาหาร จิตวิญญาณที่โหยอ่อนแรงก็จะมีกำลังสดชื่นขึ้นมาทันที
· พระเยซูกำลังประกาศข่าวประเสริฐกับหญิงชาวสะมาเรีย ว่ายังมีความจริงที่นางไม่รู้มนุษย์ทุกคนแสวงหาสิ่งที่มาตอบสนองความต้องการในชีวิต ไม่ว่าจะเป็น ปัจจัย 4 ความรัก การยอมรับ ชื่อเสียง แต่ สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่เหมือนกับหญิงคนนี้ที่ต้องคอยมาตักทุกๆวัน
· 13พระเยซูตรัสตอบว่า “ทุกคนที่ดื่มน้ำนี้จะกระหายอีก 14แต่ผู้ที่ดื่มน้ำซึ่งเราจะให้แก่เขานั้น จะไม่กระหายอีกเลย น้ำซึ่งเราจะให้เขานั้น จะบังเกิดเป็นบ่อน้ำพุในตัวเขาพลุ่งขึ้นถึงชีวิตนิรันดร์” หมายความว่าการที่เรากลับมามีความสัมพันธ์กับพระเจ้าผ่านทางพระเยซู จิตวิญญาณของเราจะอิ่มเอมใจ ไม่รู้สึกกระเสือกกระสน ไม่ต้องดิ้นรนไขว่คว้า ด้วยความวิตกกังวล พบสันติสุขแท้ที่โลกไม่มีจะให้ได้
ยน.14:27 27เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตก และอย่ากลัวเลย
· หากเราไปว่ายน้ำ ดำน้ำอยู่ในทะเล เราจะพยายามป้องกันไม่ให้เผลอกลืนน้ำทะเลเข้าไป เพราะจะทำให้เรายิ่งกระหายน้ำมากขึ้น และรสชาติของมันก็เค็ม ก่อปัญหาแก่ภายในร่างกายของเรา เปรียบเปรยว่าเราอยู่ในสังคมที่มี ค่านิยม สื่อโฆษณาชวนเชื่อเช่น
สตรีจะต้องใช้ไวท์เทนนิ่งจึงจะเป็นที่ดึงดูด ผิวสีเข้มเป็นเรื่องที่แย่ น่าอาย
รูปร่างต้องผอมเพรียว ต้องกินเจลลี่ถ้วยละ 5 บาทแค่อิ่มเพื่อหุ่นจะผอม
ผู้ชายฉีดสเปรย์ดับกลิ่น แล้วสาวๆหญิงมารุมดมกลิ่น
หรือค่านิยมการโหวดรายการ นักร้อง มีแฟนคลับ สร้างกระแส เพื่อจะดูดเงินจากกลุ่มเด็กและเยาวชน เราต้องระมัดระวังที่จะไม่ยอมให้สิ่งเหล่านี้เข้ามามีอิทธิพลอย่างมากในชีวิตของเรา สอนลูกหลานเมื่อดูทีวีด้วยกัน วิเคราะห์ให้ออกว่าจริงๆแล้วโฆษณาต้องการอะไร ความจริงที่แท้เป็นอย่างไรในหลัการของพระเจ้า สิ่งเหล่านี้จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกัน วิญญาณแห่งการล่อลวง
อฟ.6:11-12 11จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้า เพื่อจะต่อต้านยุทธอุบายของพญามารได้ 12เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอง ศักดิเทพ เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ
· สาวกยังติดอยู่กับสิ่งเก่าที่ยิวจะไม่คุยกับชาวสะมาเรีย และไม่เข้าใจถึงสิ่งจำเป็นที่พระองค์ทรงกระทำ คือการประกาศข่าวประเสริฐแผนการแห่งความรอด
2.อาหารเสริฟแล้วเราจะทานเมื่อไร
ทานทันทีที่เสริฟ
รอไปก่อน อาจยกไปเสริฟคนอื่นที่ต้องการ เลยไม่ได้ทานโอกาศได้ผ่านไป
ไม่ทาน( ก็อด) ไม่มีการบังคับ มีแต่เชิญชวนและหนุนใจกันว่ามันอร่อยและดีต่อสุขภาพของจิตวิญญาณ ชิมแล้วจะติดใจ
· พระเจ้ากำลังเร่งงานของพระองค์ เราต้องพยายามไปในจังหวะเดียวกันกับพระเจ้า
สาวกว่าอีก 4 เดือนข้างหน้า แต่พระเยซูตรัสว่า เดี๋ยวนี้
เราต้องทำตามน้ำพระทัยเดี๋ยวนี้ เพราะเป็นเวลาที่วิกฤติ สังเกตได้จากสิ่งรอบข้าง
เหมือนมีเมตั้งเค้ามาท้องฟ้าดำมืด มีเสียงฟ้าร้องคะนอง มีลมพัดแรง กรมอุตุฯประกาศเตือนว่าจะมีพายุ แต่เราบอกไม่สนใจเราจะตากผ้าทิ้งไว้
สถาบันการเงินใน อเมริกาที่ทั่วโลกมองว่ายิ่งใหญ่มั่นคงยังล้มได้ เศรษฐกิจโลกตกต่ำ ราคาน้ำมัน สงคราม ภัยพิบัติ ลักษณะจิตใจมนุษย์ก่อนจะสิ้นยุค ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ยังไม่ยืนยันอีกหรือว่าสิ่งที่พระเจ้าได้เตือนเราล่วงหน้า และพระองค์กำลังเร่งเวลาของพระองค์มันคือความจริง
ลก.10:2 2พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ข้าวที่ต้องเกี่ยวนั้นมีมากแต่คนงานยังน้อยอยู่ เหตุฉะนั้น พวกท่านจงอ้อนวอนพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของนา ให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์
พระเยซูรับสมัครคนงาน คริสตจักรต้องการคนงาน สังคมชุมชนต้องการคนงาน ที่อาสาสมัครเข้ามาร่วมกันเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงกัน พยามยามหาคน เครือข่ายที่จูนคลื่นกันติด ไปด้วยกัน อุดมการณ์เดียวกัน
กลุ่มเครือข่ายนมัสการ กลุ่มเครือข่ายประกาศ กลุ่มเครือข่ายผู้สอนพรวจนะ กลุ่มเครือข่ายอภิบาล กลุ่มเครือข่ายงานสังคมสงเคราะห์ กลุ่มเครือข่ายองค์กรภายนอก
เรามีนิมิตสร้างคริสตจักร เพื่อนำพระพรไปสู่ชุมชน สายธารพระพร เป็นชื่อที่พระเจ้าประทานให้ ชื่อเป็นตัวบอกอะไรหลายๆอย่าง ซึ่งพระเจ้าเปิดเผยเป็นลำดับในน้ำพระทัยของพระองค์สำหรับพวกเราที่นี่ Streams สายธารหลายสาย SOW Streams Of Worship
เป็นเครือข่ายที่เราเปิดตัวออกกับใช้พี่น้อง เรายังมีงานอีกมาก
คจ.เป็นสถาบัน องค์กรที่เหมาะสมที่สุดที่พระเจ้าได้ออกแบบไว้สำหรับ เชื่อมต่อเครือข่ายเพื่อเข้าไป เป็นเหมือนเกลือที่พยุง รักษา เนื้อไม่ให้เน่า รักษาสังคมที่ไม่มีคำตอบแห่งบรรทัดฐานความถูกผิด ปล่อยไปตามกระแสของโลก ไม่เข้าใจ สับสน ว่าอะไรคือสิ่งที่จะเป็นหลักยึดเหนี่ยว สังคมจึงส่งผลสะท้อนอย่างที่เราทุกคนเห็น ในข่าวหน้าหนังสือพิมพ์แต่ละวัน เช่นค่านิยมอยู่ก่อนแต่ง มีแฟนในวัยเรียนและมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนเป็นเรื่องธรรมดาปกติ การหย่าร้าง การเบี่ยงเบนทางเพศ เหล่านี้สังคมเริ่มยอมรับได้ และเห็นดีเห็นงามไปด้วย
3.ทานกันหลายคนอย่างมีความสุข “เพื่อทั้งคนหว่านและคนเกี่ยวจะชื่นชมยินดีด้วยกัน”
ทุกครั้งที่เห็นคนรับใช้พระเจ้า ข้าพเจ้าเชื่อว่าพี่น้องทุกๆคนจะมีความสุข มีความยินดี ที่เห็นคนได้ทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า เราจะไม่มานั่งเปรียบเทียบอาหารในจานของแต่ละคนคน เพราะเมนูที่พระเจ้าปรุงให้มันแตกต่างกัน เราสนใจแต่เพียงว่า เรากำลังทำน้ำพระทัยของพระเจ้าที่พระองค์ทรงเรียกทุกๆคนทำ เรากำลังทำอยู่ด้วยกัน เรากินด้วยกัน จานใครจานมัน แต่อยู่ในบรรยากาศการรับประทานอาหารด้วยกันอย่างสนุกสนาน
· สรุป
สิ่งสำคัญของชีวิต คต. คือการทำตามน้ำพระทัยพระบิดา
เราร่วมกันรับใช้เป็นทีม อาสาตัวรับใช้ในพันธกิจต่างๆ ใน คจ.
ขยายงานสร้างเครือข่ายการรับใช้ในพันธกิจต่างๆ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)