วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2551

พระนามของพระเจ้าในพระคัมภีร์เดิม

พระนามของพระเจ้าในพระคัมภีร์เดิม :
ในพระคัมภีร์เดิมมีวลีหรือคำเรียกพระเจ้า ที่พอจะแบ่งได้สามแบบใหญ่ๆดังนี้ 1. พระนามเฉพาะของพระเจ้า ในสมัยโบราณนั้น ชื่อของบุคคลมีความสำคัญยิ่ง เพราะชื่อจะบ่งบอกลักษณะนิสัย เอกลักษณ์ความเป็นบุคคลของคนนั้น ดังนั้นการที่พระเจ้าทรงสำแดงพระนามของพระองค์แก่ มนุษย์จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก 1.1 เยโฮวาห์ (ยาห์เวห์) ปรากฏในพระคัมภีร์ฉบับฮีบรูประมาณ 6,800 ครั้ง พระนามนี้มาจากพยัญชนะฮีบรูสี่ตัว (Tetragrammaton) โดยปกติจะอ่านว่า "ยาห์เวห์" แต่สมัยหลังการเป็นเชลย คนอิสราเอลถือว่าพระนามนี้บริสุทธิ์เกินกว่าจะออกเสียง ดังนั้นทุกครั้งที่เขาอ่านพระคัมภีร์และพบพยัญชนะสี่ตัวนี้จะออกเสียงเป็น "อาโดนาย" สำหรับความหมายของพระนามนี้มีการตีความต่างกันเป็นสองอย่างคือ -- ก. มาจากคำกริยาฮีบรูปกติ ที่แปลว่า "เป็น" หรือ "ดำรงอยู่" ดังนั้นใน อพยพ 3:14 พระเจ้าทรงระบุเอกลักษณ์ของพระองค์เองว่า "เราเป็นซึ่งเราเป็น" หรือ "เราจะเป็นผู้ที่เราจะเป็น" หมายความว่า พระองค์ทรงเป็นผู้ดำรงอยู่และเป็นผู้ที่จะช่วยเหลือ -- ข. มาจากคำกริยาฮีบรูเดียวกันกับข้างต้น แต่เน้นที่ตัวผู้กระทำ ดังนั้นจึงเข้าใจว่า พระนามนี้มีความหมายว่า "เราเป็นเหตุให้ดำรงอยู่" นั่นก็คือ พระเจ้าเป็นพระผู้สร้างและผู้ครอบครองสรรพสิ่ง 1.2 ยาห์เวห์ สะบาโอท เป็นพระนามที่มาจากการประกอบคำนาม 2 คำต่อกัน มีปรากฏในพระคัมภีร์ฉบับฮีบรู 279 ครั้ง แปลเป็นภาษาไทยฉบับ 1971 ว่า "พระเจ้าจอมโยธา" มีความหมายว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้บัญชากองทัพแห่งฟ้าสวรรค์ 1.3 เยโฮวาห์ ยิเรห์ (ยาห์เวห์ ยิเรห์) แปลว่า "พระยาห์เวห์จะทรงจัดเตรียม" อับราฮัมได้เรียกสถานที่ซึ่งพระเจ้าประทานแกะ มาเป็นเครื่องบูชาแทนอิสอัคด้วยพระนามนี้ เพื่อระลึกถึงพระคุณของพระองค์ (ปฐก.22:14) 1.4 เยโฮวาห์ นิสสี (ยาห์เวห์ นิสสี) แปลว่า "พระยาห์เวห์ทรงเป็นธงของข้าพเจ้า" โมเสสได้สร้างแท่นบูชาเรียกชื่อด้วยพระนามนี้ เพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าผู้ประทานชัยชนะ แก่คนอิสราเอลเหนือคนอามาเลข (อพย.17:15) 1.5 ยาห์เวห์ ชาโลม แปลว่า "พระยาห์เวห์ทรงเป็นสันติสุข" หรือ "พระเจ้าคือสวัสดิภาพ" กิเดโอน เรียกแท่นบูชาที่สร้างขึ้นที่โอฟราห์ด้วยพระนามนี้ (วนฉ.6:24) 1.6 ยาห์เวห์ ชัมมาห์ แปลว่า "พระยาห์เวห์สถิตที่นั่น" หรือ "พระเจ้าสถิตที่นั่น" วลีนี้กล่าวถึงนครที่ผู้เผยพระวจนะเอเสเคียลเห็นในนิมิต (อสค.48:35) 2. พระนามทั่วไป 2.1 เอโลฮิม ปรากฏในพระคัมภีร์ฉบับฮีบรูถึง 2,500 ครั้ง เป็นคำพหูพจน์ของคำว่า เอโลอาห์ หมายถึง พระต่างๆที่คนต่างชาตินับถือ (อพย.20:3) แต่ส่วนมากใช้ในความหมายเอกพจน์ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ เพื่อหมายถึง พระเจ้าเที่ยงแท้พระองค์เดียวของชนชาติอิสราเอล (ปฐก.1:1) 2.2 เอโลอาห์ ปรากฏเพียง 57 ครั้งในพระคัมภีร์ฉบับฮีบรู ส่วนมากพบในหนังสือโยบ เช่น โยบ 3:4 2.3 เอล ปรากฏกว่า 2,000 ครั้งในพระคัมภีร์ฉบับฮีบรู "เอล" เป็นชื่อของพระสูงสุดของคนคานาอัน "เอล" เป็นพระผู้สร้างและผู้ให้กำเนิดพระทั้งปวง ทรงมีอำนาจเหนือโลกมนุษย์และโลกฝ่ายวิญญาณ เมื่อคนอิสราเอลตั้งรกรากในคานาอัน พวกเขาก็รับขนบธรรมเนียมของเพื่อนบ้านและเชื่อมโยง พระยาห์เวห์ผู้ปลดปล่อยพวกเขาออกจากอียิปต์เข้ากับ "เอล" ในตำนานศาสนาของคานาอัน 2.4 เอล ชัดดาย แปลว่า "พระเจ้าแห่งขุนเขา" ใน อพย.6:3 เราพบว่า พระเจ้า (เอล) ของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ คือพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ (เอล ชัดดาย) 2.5 เอล เอลยอน แปลว่า "พระเจ้าผู้สูงสุด" (ปฐก.14:18-19) ได้แก่พระเจ้าองค์ที่เมลคีเซเดค นมัสการที่เยรูซาเล็มซึ่งต่อมากลายเป็นกรุงเยรูซาเล็ม (ประมาณ 1,000 ปี ก่อน ค.ศ.) และภายหลังเมื่ออิสราเอลยึดครองเยรูซาเล็มแล้ว ก็ผนวก เอล เอลยอน เข้ากับพระยาห์เวห์ โดยเป็นพระนามหนึ่งของพระองค์ (สดด.47:2-3) 2.6 เอล โอลาม แปลว่า "พระเจ้านิรันดร์" นี่เป็นชื่อพระของคนคานาอันที่เมืองเบเออร์เชบา ต่อมาอับราฮัมก็เรียกพระยาห์เวห์ของตนว่า เอล โอลาม (พระเจ้านิรันดร์) (ปฐก.21:33) 2.7 เอล โรอี แปลว่า "พระเจ้าผู้ให้เห็น" หรือ "พระเจ้าแห่งการเห็น" ที่น้ำพุในถิ่นทุรกันดาร นางฮาการ์เรียกด้วยพระนามนี้เพราะพระองค์ทรงปรากฏแก่นาง และให้นางทราบถึงอนาคตของบุตรชาย (ปฐก.16:13-14) 2.8 เอล เอโลเฮ ยิสเรเอล แปลได้ว่า "พระเจ้า คือ พระเจ้าแห่งอิสราเอล" ดู ปฐก.33:19-20 แต่หลังสมัยโยชูวาเป็นต้นมา ก็ใช้วลี "ยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล" ดู ยชว.8:30 3. สมญานามของพระเจ้า 3.1 ในแวดวงสังคม อาโดนาย แปลว่า "เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ของข้าพเจ้า" คำนี้เป็นพหูพจน์ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ เป็นคำเรียกที่ให้เกียรติและความนับถือแก่ผู้เป็นใหญ่ในสังคม เช่น กษัตริย์ สามี เจ้าของทาส ต่อมาหลังสมัยเป็นเชลย คำนี้ใช้เรียกแทนพระนามยาห์เวห์ในการนมัสการ 3.2 ในแวดวงการเมืองการปกครอง ได้แก่ กษัตริย์ (ยิ่งใหญ่เหนือพระทั้งหลาย) ใน สดด.95:3 ผู้พิพากษา (สากลโลก) ใน ปฐก.18:25 ผู้เลี้ยงแกะ ใน สดด.23 สมญานามเหล่านี้ บ่งบอกฐานะและบทบาทของพระเจ้าในการเป็นผู้ปกครองเหนืออิสราเอล 3.3 ในแวดวงครอบครัว เพื่อแสดงความสัมพันธ์แบบเครือญาติระหว่างพระเจ้ากับผู้นมัสการพระองค์ สมญานามเหล่านั้นได้แก่ บิดา (ฉธบ.32:6) พี่ชาย (กดว.1:12 ในชื่อของอาหิเยเซอร์ ที่แปลว่า พี่ชายของข้าพเจ้า คือ ผู้อุปถัมภ์) ญาติสนิท (พระผู้ไถ่ ใน สดด.19:14 ได้แก่ ญาติสนิทถัดมา ผู้มีหน้าที่ช่วยเหลือญาติด้วยกันให้พ้นจากความทุกข์ยากลำบาก ดู ลนต.25:25)

นมัสการ

คำเทศนา อาทิตย์ที่ 21.09.2008



เรื่อง เชิญมาร่วมรับประทานอาหารร่วมกัน
ยน.4:34 34พระเยซูตรัสกับเขาว่า “อาหารของเราคือการกระทำตามพระทัยของพระองค์ ผู้ทรงใช้เรามา และทำให้งานของพระองค์สำเร็จ 35ท่านทั้งหลายว่า อีกสี่เดือนจะถึงฤดูเกี่ยวข้าวมิใช่หรือ เราบอกท่านทั้งหลายว่า เงยหน้าขึ้นดูนาเถิด ว่าทุ่งนาเหลืองอร่าม ถึงเวลาเกี่ยวแล้ว 36คนเกี่ยวก็กำลังได้รับค่าจ้าง และกำลังส่ำสมพืชผลไว้สำหรับชีวิตนิรันดร์ เพื่อทั้งคนหว่านและคนเกี่ยวจะชื่นชมยินดีด้วยกัน
1.รายการอาหารแบบไหนที่ท่านต้องการ เมนูของพระเจ้า เมนูของโลกนี้ หรือเมนูของเนื้อหนัง
การทำตามน้ำพระทัยพระเจ้าเป็นเรื่องสำคัญ
· พระเยซูอุปมาว่า การทำตามน้ำพระทัยพระเจ้าเป็นเรื่องจำเป็นของชีวิตมนุษย์ มนุษย์จำเป็นต้องมีอาหารที่รับประทานเข้าไปเพื่อหล่อเลี้ยงร่างกาย จิตวิญญาณซึ่งเป็นตัวตนที่แท้จริงของเราก็จำเป็นที่จะต้องทำตามวัตถุประสงค์ ทำหน้าที่ที่ถูกกำหนดไว้ โดยพระเจ้าได้ปั้นเราเป็นภาชนะ เป็นอวัยวะต่างๆในร่างกาย ที่ต้องทำหน้าที่ของมัน เราจึงต้องทำตามสิ่งที่พรเจ้าสร้างเรา และทันทีที่เราทำ จะเป็นเหมือนการได้รับประทานอาหาร จิตวิญญาณที่โหยอ่อนแรงก็จะมีกำลังสดชื่นขึ้นมาทันที
· พระเยซูกำลังประกาศข่าวประเสริฐกับหญิงชาวสะมาเรีย ว่ายังมีความจริงที่นางไม่รู้มนุษย์ทุกคนแสวงหาสิ่งที่มาตอบสนองความต้องการในชีวิต ไม่ว่าจะเป็น ปัจจัย 4 ความรัก การยอมรับ ชื่อเสียง แต่ สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่เหมือนกับหญิงคนนี้ที่ต้องคอยมาตักทุกๆวัน
· 13พระเยซูตรัสตอบว่า “ทุกคนที่ดื่มน้ำนี้จะกระหายอีก 14แต่ผู้ที่ดื่มน้ำซึ่งเราจะให้แก่เขานั้น จะไม่กระหายอีกเลย น้ำซึ่งเราจะให้เขานั้น จะบังเกิดเป็นบ่อน้ำพุในตัวเขาพลุ่งขึ้นถึงชีวิตนิรันดร์” หมายความว่าการที่เรากลับมามีความสัมพันธ์กับพระเจ้าผ่านทางพระเยซู จิตวิญญาณของเราจะอิ่มเอมใจ ไม่รู้สึกกระเสือกกระสน ไม่ต้องดิ้นรนไขว่คว้า ด้วยความวิตกกังวล พบสันติสุขแท้ที่โลกไม่มีจะให้ได้
ยน.14:27 27เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตก และอย่ากลัวเลย

· หากเราไปว่ายน้ำ ดำน้ำอยู่ในทะเล เราจะพยายามป้องกันไม่ให้เผลอกลืนน้ำทะเลเข้าไป เพราะจะทำให้เรายิ่งกระหายน้ำมากขึ้น และรสชาติของมันก็เค็ม ก่อปัญหาแก่ภายในร่างกายของเรา เปรียบเปรยว่าเราอยู่ในสังคมที่มี ค่านิยม สื่อโฆษณาชวนเชื่อเช่น
สตรีจะต้องใช้ไวท์เทนนิ่งจึงจะเป็นที่ดึงดูด ผิวสีเข้มเป็นเรื่องที่แย่ น่าอาย
รูปร่างต้องผอมเพรียว ต้องกินเจลลี่ถ้วยละ 5 บาทแค่อิ่มเพื่อหุ่นจะผอม
ผู้ชายฉีดสเปรย์ดับกลิ่น แล้วสาวๆหญิงมารุมดมกลิ่น

หรือค่านิยมการโหวดรายการ นักร้อง มีแฟนคลับ สร้างกระแส เพื่อจะดูดเงินจากกลุ่มเด็กและเยาวชน เราต้องระมัดระวังที่จะไม่ยอมให้สิ่งเหล่านี้เข้ามามีอิทธิพลอย่างมากในชีวิตของเรา สอนลูกหลานเมื่อดูทีวีด้วยกัน วิเคราะห์ให้ออกว่าจริงๆแล้วโฆษณาต้องการอะไร ความจริงที่แท้เป็นอย่างไรในหลัการของพระเจ้า สิ่งเหล่านี้จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกัน วิญญาณแห่งการล่อลวง
อฟ.6:11-12 11จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้า เพื่อจะต่อต้านยุทธอุบายของพญามารได้ 12เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอง ศักดิเทพ เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ
· สาวกยังติดอยู่กับสิ่งเก่าที่ยิวจะไม่คุยกับชาวสะมาเรีย และไม่เข้าใจถึงสิ่งจำเป็นที่พระองค์ทรงกระทำ คือการประกาศข่าวประเสริฐแผนการแห่งความรอด
2.อาหารเสริฟแล้วเราจะทานเมื่อไร
ทานทันทีที่เสริฟ
รอไปก่อน อาจยกไปเสริฟคนอื่นที่ต้องการ เลยไม่ได้ทานโอกาศได้ผ่านไป
ไม่ทาน( ก็อด) ไม่มีการบังคับ มีแต่เชิญชวนและหนุนใจกันว่ามันอร่อยและดีต่อสุขภาพของจิตวิญญาณ ชิมแล้วจะติดใจ
· พระเจ้ากำลังเร่งงานของพระองค์ เราต้องพยายามไปในจังหวะเดียวกันกับพระเจ้า
สาวกว่าอีก 4 เดือนข้างหน้า แต่พระเยซูตรัสว่า เดี๋ยวนี้
เราต้องทำตามน้ำพระทัยเดี๋ยวนี้ เพราะเป็นเวลาที่วิกฤติ สังเกตได้จากสิ่งรอบข้าง
เหมือนมีเมตั้งเค้ามาท้องฟ้าดำมืด มีเสียงฟ้าร้องคะนอง มีลมพัดแรง กรมอุตุฯประกาศเตือนว่าจะมีพายุ แต่เราบอกไม่สนใจเราจะตากผ้าทิ้งไว้
สถาบันการเงินใน อเมริกาที่ทั่วโลกมองว่ายิ่งใหญ่มั่นคงยังล้มได้ เศรษฐกิจโลกตกต่ำ ราคาน้ำมัน สงคราม ภัยพิบัติ ลักษณะจิตใจมนุษย์ก่อนจะสิ้นยุค ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ยังไม่ยืนยันอีกหรือว่าสิ่งที่พระเจ้าได้เตือนเราล่วงหน้า และพระองค์กำลังเร่งเวลาของพระองค์มันคือความจริง
ลก.10:2 2พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ข้าวที่ต้องเกี่ยวนั้นมีมากแต่คนงานยังน้อยอยู่ เหตุฉะนั้น พวกท่านจงอ้อนวอนพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของนา ให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์
พระเยซูรับสมัครคนงาน คริสตจักรต้องการคนงาน สังคมชุมชนต้องการคนงาน ที่อาสาสมัครเข้ามาร่วมกันเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงกัน พยามยามหาคน เครือข่ายที่จูนคลื่นกันติด ไปด้วยกัน อุดมการณ์เดียวกัน
กลุ่มเครือข่ายนมัสการ กลุ่มเครือข่ายประกาศ กลุ่มเครือข่ายผู้สอนพรวจนะ กลุ่มเครือข่ายอภิบาล กลุ่มเครือข่ายงานสังคมสงเคราะห์ กลุ่มเครือข่ายองค์กรภายนอก

เรามีนิมิตสร้างคริสตจักร เพื่อนำพระพรไปสู่ชุมชน สายธารพระพร เป็นชื่อที่พระเจ้าประทานให้ ชื่อเป็นตัวบอกอะไรหลายๆอย่าง ซึ่งพระเจ้าเปิดเผยเป็นลำดับในน้ำพระทัยของพระองค์สำหรับพวกเราที่นี่ Streams สายธารหลายสาย SOW Streams Of Worship
เป็นเครือข่ายที่เราเปิดตัวออกกับใช้พี่น้อง เรายังมีงานอีกมาก
คจ.เป็นสถาบัน องค์กรที่เหมาะสมที่สุดที่พระเจ้าได้ออกแบบไว้สำหรับ เชื่อมต่อเครือข่ายเพื่อเข้าไป เป็นเหมือนเกลือที่พยุง รักษา เนื้อไม่ให้เน่า รักษาสังคมที่ไม่มีคำตอบแห่งบรรทัดฐานความถูกผิด ปล่อยไปตามกระแสของโลก ไม่เข้าใจ สับสน ว่าอะไรคือสิ่งที่จะเป็นหลักยึดเหนี่ยว สังคมจึงส่งผลสะท้อนอย่างที่เราทุกคนเห็น ในข่าวหน้าหนังสือพิมพ์แต่ละวัน เช่นค่านิยมอยู่ก่อนแต่ง มีแฟนในวัยเรียนและมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนเป็นเรื่องธรรมดาปกติ การหย่าร้าง การเบี่ยงเบนทางเพศ เหล่านี้สังคมเริ่มยอมรับได้ และเห็นดีเห็นงามไปด้วย
3.ทานกันหลายคนอย่างมีความสุข “เพื่อทั้งคนหว่านและคนเกี่ยวจะชื่นชมยินดีด้วยกัน”

ทุกครั้งที่เห็นคนรับใช้พระเจ้า ข้าพเจ้าเชื่อว่าพี่น้องทุกๆคนจะมีความสุข มีความยินดี ที่เห็นคนได้ทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า เราจะไม่มานั่งเปรียบเทียบอาหารในจานของแต่ละคนคน เพราะเมนูที่พระเจ้าปรุงให้มันแตกต่างกัน เราสนใจแต่เพียงว่า เรากำลังทำน้ำพระทัยของพระเจ้าที่พระองค์ทรงเรียกทุกๆคนทำ เรากำลังทำอยู่ด้วยกัน เรากินด้วยกัน จานใครจานมัน แต่อยู่ในบรรยากาศการรับประทานอาหารด้วยกันอย่างสนุกสนาน

· สรุป
สิ่งสำคัญของชีวิต คต. คือการทำตามน้ำพระทัยพระบิดา
เราร่วมกันรับใช้เป็นทีม อาสาตัวรับใช้ในพันธกิจต่างๆ ใน คจ.
ขยายงานสร้างเครือข่ายการรับใช้ในพันธกิจต่างๆ